สาระน่ารู้ สูตรสารธรรมชาติหรือ "Balancing Immunity -BIM "

สาระน่ารู้ สูตรสารธรรมชาติหรือ "Balancing Immunity -BIM " 
         หากใครเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายคงคิดว่าชีวิตนี้แทบไม่มีหวังไม่มีอะไรดีไปกว่าการใช้เวลาที่เหลืออยู่กับการตั้งรับความ "เจ็บป่วย" รวมถึง "ความตาย" ที่กำลังย่างกรายเข้ามาด้วยสติ ในปัจจุบันวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ สร้างทางเลือกแห่งความสุขในการมีชีวิตอยู่อย่างมี "คุณภาพ" ให้กับผู้ป่วยมะเร็งได้สำเร็จ ที่สำคัญคือเป็นเป็นทีม "นักวิจัยไทย" และเป็นครั้งแรกของโลกกับการคิดค้นสูตรสารธรรมชาติจาก "มังคุด"โดย ศ.ดร.พิเชษฐ์ วิริยะจิตรา หัวหน้าศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย และกรรมการผู้จัดการบมจ.เอเชี่ยน ไฟย์โตซูติคอลส์ บอกว่า "สูตรสารธรรมชาติ" หรือ "Balancing Immunity -BIM " เป็นผลงานความร่วมมือระหว่าง ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทย บริษัทเอเชี่ยน ไฟย์โตซูติคอลส์ จำกัด (มหาชน) กับศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์ และคณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช) ได้นำเอาสารสกัด GM-1 จากเปลือกมังคุด ที่คณะนักวิจัยของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) ศึกษาไว้เมื่อ 37 ปีที่แล้วมาพัฒนาต่อยอด

        โดย GM-1 มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะราคาแพง ลดการอักเสบได้เป็น 3 เท่าของแอสไพริน มีสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าวิตามินอี และสามารถกำจัดเซลล์มะเร็งในหลอดทดลองอย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อนำมารวมกับสารสกัดจากฝรั่ง งาดำ ถั่งเหลือง ใบบัวบก และเนื้อมังคุด ก็จะได้อาหารเสริมชนิดดีที่ช่วยปรับระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายให้สมดุล จนสามารถต้านมะเร็งได้

          จากผลการทดลองในห้องแล็บของศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์มช.ระบุชัดว่า สูตรสารธรรมชาติ BIM ที่ผสมสารสกัด GM-1 จากมังคุด ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนามังคุดไทยคิดค้นขึ้น ช่วยสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Th1 ที่ทำหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันต้านทานในการกำจัดโรคในเซลล์ อาทิ เซลล์มะเร็ง เชื้อรา แบคทีเรีย รวมถึงไวรัส และเม็ดเลือดขาว Th17 ภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันเชื้อโรคนอกเซลล์หรือแม้แต่การเกิดเซลล์มะเร็ง ตามที่นักภูมิคุ้มกันวิทยาได้ศึกษาไว้ โดยไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ

         ขณะที่นักวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั่วโลกเพียรพยายามเพาะเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 เพื่อนำไปใช้ในการรักษามะเร็งมาตั้งแต่ปี 2550 แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จอย่างแน่นอนและปลอดภัย แม้สามารถทำให้ผู้ป่วยในต่างประเทศหายจากมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้จริง 2 ใน 3 ราย ส่วนอีกหนึ่งรายที่เหลือแค่มีอาการดีขึ้น ทว่าในอีกหลายกรณีเกิดผลข้างเคียงจนนำไปสู่การเสียชีวิตของผู้ป่วย แต่นักวิทยาศาสตร์ของไทยกลับวิจัยทดลองจนประสบผลสำเร็จ ในการสร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Th17 ขึ้นในร่างกายครั้งแรกของโลก โดยใช้สารสกัดจากมังคุดและธัญพืชของไทยอย่างปลอดภัยเพราะผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยาหรือ อย.ในฐานะของอาหารเสริมแล้ว

         ศ.ดร.พิเชษฐ์ เล่าต่อว่า ส่วนน้ำเนื้อและเม็ดมังคุดสกัดเข้มข้น 80 % ที่ทางศูนย์คิดค้นมาให้ทานคู่กันกับ BIM นั้น ยังทำหน้าที่สร้างเม็ดเลือดขาวชนิด Treg มีฤทธิ์ช่วยจัดระเบียบให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันอย่างสมดุล มีหน้าที่ยับยั้งไม่ให้เม็ดเลือดขาวชนิด Th1 และ Th17 ที่อาจก่อให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันต่อต้านตัวเองหรือเป็นโรคภูมิแพ้มีมากเกินไป ซึ่งหวังกันว่านวัตกรรมนี้จะเป็นทางเลือกให้ผู้ป่วยโรคมะเร็งระยะสุดท้าย หรือผู้ที่มีปัญหาสุขภาพจากหลากหลายปัจจัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

          ด้าน ศ.ดร.วัชระ กสิณฤกษ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวการแพทย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะผู้ตรวจสอบคุณภาพสูตรสารธรรมชาติ BIM และน้ำเนื้อและเม็ดมังคุดสกัดเข้มข้น 80 % ยังได้ยืนยันว่า จากการทดลองในห้องแล็บได้ผลตามที่ระบุไว้จริง โดยทำการทดสอบจริงในภาวะปกติและนำเลือดมาหาค่าในห้องแล็บปรากฏว่ากลุ่มผู้ที่ทานสูตรสารธรรมชาติ BIM ปริมาณ 2 กรัม/วัน นาน 15 วัน ค่าเม็ดเลือดขาวชนิด Th1 และ Th17 เพิ่มสูงขึ้น 2 เท่า และ 5 เท่าตามลำดับ ส่วนกลุ่มที่ทานน้ำมังคุดสกัดจากเนื้อและเมล็ด 1 ขวด/วัน ในระยะเวลาเท่ากัน พบว่าเม็ดเลือดขาวชนิด Treg เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อร่างกายมีองค์ประกอบ Th1 Th17 และ Treg อย่างสมดุล ก็จะเป็นโรคต่าง ๆ ได้ยาก

           เมื่อได้ผลจากห้องแล็บแล้วก็นำมาสู่การทดสอบจริงในผู้ป่วยที่ทาง ศ.พ.ญ.สุมิตรา ทองประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้แสดงผลการทดสอบผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาโดยเคมีบำบัดตามมาตรฐานจำนวน 20 คน ในระยะเวลา 6 เดือน คุณหมอบอกว่า หลังจากที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสูตรสารธรรมชาติร่วมกับน้ำเนื้อและเม็ดมังคุดสกัด 80 % เห็นได้ชัดว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้น หลายคนกินข้าวได้ อาการเจ็บปดจากโรคลดน้อยลง ภูมิคุ้มกันดีขึ้น และแม้จะไม่ได้หายขาดจากโรคมะเร็ง แต่ผู้ป่วยสามารถทำงานตามปกติได้ สอดคล้องกับการทดลองในสหรัฐอเมริกาและอิตาลี ที่ได้ผลดีเช่นกัน
           

            ในระยะเวลาที่เหลืออยู่ไม่มาก งานวิจัยนี้เป็นตัวช่วยให้พวกเขาอยู่อย่างมีความสุขมากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของมนุษย์ โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายและไม่มีการรักษาใด ๆ ช่วยเหลือได้ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการใช้ยารักษาที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศด้วย
(ที่มา : หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับวันที่ 19-22 สิงหาคม 2555)
www.facebook.com/bim100.shopchanisa